โบราณว่า ไม่ค่อยอ่านหนังสือจึงถูกกระดาษบาด
โบราณว่า ไม่ค่อยอ่านหนังสือจึงถูกกระดาษบาด แต่ปัจจุบันว่าเปิดหน้ากระดาษไม่ระวังมากกว่าจึงได้แผล แม้จะเป็นแผลเล็กๆ ไม่ได้ลึกมาก แต่หลายคนคงมีประสบการณ์กับบาดแผลถูกกระดาษบาด และยังคงสงสัยว่า ทำไมแผลจากการถูกกระดาษบาดนั้นถึงได้รู้สึกเจ็บแปลบได้มากขนาดนี้?
ที่มา : http://www.cosmopolitan.com/
ทำความเข้าใจประสาทรับความรู้สึก
Cortical Homunculus เป็นแบบจำลองทางกายภาพของร่างกายมนุษย์ ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ของขนาดของสมองส่วน cortex กับเขตความรู้สึกต่าง ๆ บนร่างกายของมนุษย์ โดยสมองส่วนสำคัญเกี่ยวกับระบบรับความรู้สึกทางกายของมนุษย์ หรือคอร์เทกซ์รับความรู้สึกทางกายปฐมภูมิ (primary somatosensory cortex) จะตั้งอยู่บริเวณรอยนูนหลังร่องกลาง (postcentral gyrus) ของสมอง ซึ่งเป็นเขตรับสัญญาณความรู้สึกหลักของระบบรับความรู้สึกทางกาย (somatosensory system) โดย "Cortical Homunculus” จะเป็นแผนผังที่ช่วยแสดงให้เห็นว่า คอร์เทกซ์ส่วนใดเป็นตัวแทนของเขตความรู้สึกส่วนใดในร่างกาย
Cortical Homunculus เป็นแบบจำลองทางกายภาพของร่างกายมนุษย์ ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ของขนาดของสมองส่วน cortex กับเขตความรู้สึกต่าง ๆ บนร่างกายของมนุษย์ โดยสมองส่วนสำคัญเกี่ยวกับระบบรับความรู้สึกทางกายของมนุษย์ หรือคอร์เทกซ์รับความรู้สึกทางกายปฐมภูมิ (primary somatosensory cortex) จะตั้งอยู่บริเวณรอยนูนหลังร่องกลาง (postcentral gyrus) ของสมอง ซึ่งเป็นเขตรับสัญญาณความรู้สึกหลักของระบบรับความรู้สึกทางกาย (somatosensory system) โดย "Cortical Homunculus” จะเป็นแผนผังที่ช่วยแสดงให้เห็นว่า คอร์เทกซ์ส่วนใดเป็นตัวแทนของเขตความรู้สึกส่วนใดในร่างกาย
ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ของขนาดของสมองส่วน cortex กับเขตความรู้สึกต่าง ๆ บนร่างกายของมนุษย์
ที่มา : https://en.wikipedia.org
ภาพที่ 3 :ภาพแสดงตำแหน่ง primary motor area และ primary somatosensory area ของ cerebral cortex
ที่มา : http://www.schoolbag.info
จากภาพส่วนของ somatosensory area จะเห็นว่าบริเวณของริมฝีปากและมือจะมีขนาดใหญ่ เนื่องจากเซลล์ประสาทที่ประมวลข้อมูลที่มาจากเขตบริเวณนั้นนั้นมีจำนวนมากกว่าเขตอื่น ๆ จึงทำให้ในอวัยวะดังกล่าวสามารถรับความรู้สึกที่ละเอียดได้มากกว่าอวัยวะส่วนอื่น ๆ
เนื่องจากระบบรับความรู้สึกทางกาย (somatosensory system) ประกอบด้วยตัวรับความรู้สึก (sensory receptor) และศูนย์ประมวลผลต่าง ๆ มากมาย เพื่อสามารถรับตัวกระตุ้นได้หลายรูปแบบ รวมทั้งสัมผัส อุณหภูมิ และ Nociceptor ซึ่งเป็นตัวรับที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่สร้างความเสียหายซึ่งเกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด
ที่มา : http://www.schoolbag.info
จากภาพส่วนของ somatosensory area จะเห็นว่าบริเวณของริมฝีปากและมือจะมีขนาดใหญ่ เนื่องจากเซลล์ประสาทที่ประมวลข้อมูลที่มาจากเขตบริเวณนั้นนั้นมีจำนวนมากกว่าเขตอื่น ๆ จึงทำให้ในอวัยวะดังกล่าวสามารถรับความรู้สึกที่ละเอียดได้มากกว่าอวัยวะส่วนอื่น ๆ
เนื่องจากระบบรับความรู้สึกทางกาย (somatosensory system) ประกอบด้วยตัวรับความรู้สึก (sensory receptor) และศูนย์ประมวลผลต่าง ๆ มากมาย เพื่อสามารถรับตัวกระตุ้นได้หลายรูปแบบ รวมทั้งสัมผัส อุณหภูมิ และ Nociceptor ซึ่งเป็นตัวรับที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่สร้างความเสียหายซึ่งเกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด
ภาพที่ 4 : Nociceptor
ที่มา : Wikipedia.com
ทำไมกระดาษบาดจึงรู้สึกเจ็บมากกว่า?
จากการศึกษาของด๊อกเตอร์ Hayley Goldbach แพทย์ผิวหนังจากมหาวิทยาลัย UCLA ประเทศสหรัฐอเมริกา อธิบายว่า บริเวณปลายนิ้วนอกจากจะเป็นบริเวณที่รับความรู้สึกละเอียดได้มากกว่าบริเวณอื่นแล้ว ยังเป็นอีกบริเวณหนึ่งที่มีตัวรับความรู้สึกต่อความเจ็บปวดหรือ nocicertor อยู่มาก ซึ่งนั่นเป็นกลไกหนึ่งในการป้องกันตัวเองของร่างกาย
ขอบกระดาษที่เรามองเห็นด้วยตาเปล่าว่ามีขอบที่เรียบเนียน เป็นเส้นตรงราวกลับใบมีด แท้จริงแล้วเมื่อขยายดูในบริเวณดังกล่าวแล้ว ขอบกระดาษเหล่านั้นกลับมีลักษณะคล้ายใบเลื่อยมากกว่าใบมีด ซึ่งเมื่อมันได้เปิดผิวหนังของคุณแล้ว จะทิ้งรอยหยักเหล่านั้นไว้ในบาดแผล และนั่นจะทำให้เรารู้สึกเจ็บมากกว่าแผลที่เป็นขอบเรียบจากใบมีดโกนหรือใบมีดเสียอีก
แพทย์ผิวหนังท่านนี้ยังได้อธิบายต่ออีกว่า การที่บาดแผลจากการถูกกระดาษบาดรู้สึกเจ็บมากกว่าการถูกของมีคมอย่างอื่นบาดลึกกว่า นั่นเป็นเพราะเมื่อมีเลือดออกจากบาดแผลลึก ร่างกายมนุษย์จะมีกลไกในการห้ามเลือด จนแผลตกสะเก็ด และพัฒนาการรักษาตัวเองภายใต้ผิวหนังบริเวณนั้น แต่แผลจากการถูกกระดาษบาดนั้นไม่ได้รับการรักษาแบบเดียวกันกับกลไกดังกล่าว เพราะบริเวณผิวหนังที่เปิดจากกระดาษเป็นแผลตื้นๆ ที่ตัวรับความเจ็บปวดสามารถส่งสัญญาณไปยังสมองได้ และก็ยังคงสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่คุณจับต้อง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าหากไม่อยากรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่มือตลอดทั้งวันก็ควรระมัดระวังกระดาษแผ่นบางๆ แต่ร้ายกาจนี้ไว้
แหล่งที่มา
จากการศึกษาของด๊อกเตอร์ Hayley Goldbach แพทย์ผิวหนังจากมหาวิทยาลัย UCLA ประเทศสหรัฐอเมริกา อธิบายว่า บริเวณปลายนิ้วนอกจากจะเป็นบริเวณที่รับความรู้สึกละเอียดได้มากกว่าบริเวณอื่นแล้ว ยังเป็นอีกบริเวณหนึ่งที่มีตัวรับความรู้สึกต่อความเจ็บปวดหรือ nocicertor อยู่มาก ซึ่งนั่นเป็นกลไกหนึ่งในการป้องกันตัวเองของร่างกาย
ขอบกระดาษที่เรามองเห็นด้วยตาเปล่าว่ามีขอบที่เรียบเนียน เป็นเส้นตรงราวกลับใบมีด แท้จริงแล้วเมื่อขยายดูในบริเวณดังกล่าวแล้ว ขอบกระดาษเหล่านั้นกลับมีลักษณะคล้ายใบเลื่อยมากกว่าใบมีด ซึ่งเมื่อมันได้เปิดผิวหนังของคุณแล้ว จะทิ้งรอยหยักเหล่านั้นไว้ในบาดแผล และนั่นจะทำให้เรารู้สึกเจ็บมากกว่าแผลที่เป็นขอบเรียบจากใบมีดโกนหรือใบมีดเสียอีก
แพทย์ผิวหนังท่านนี้ยังได้อธิบายต่ออีกว่า การที่บาดแผลจากการถูกกระดาษบาดรู้สึกเจ็บมากกว่าการถูกของมีคมอย่างอื่นบาดลึกกว่า นั่นเป็นเพราะเมื่อมีเลือดออกจากบาดแผลลึก ร่างกายมนุษย์จะมีกลไกในการห้ามเลือด จนแผลตกสะเก็ด และพัฒนาการรักษาตัวเองภายใต้ผิวหนังบริเวณนั้น แต่แผลจากการถูกกระดาษบาดนั้นไม่ได้รับการรักษาแบบเดียวกันกับกลไกดังกล่าว เพราะบริเวณผิวหนังที่เปิดจากกระดาษเป็นแผลตื้นๆ ที่ตัวรับความเจ็บปวดสามารถส่งสัญญาณไปยังสมองได้ และก็ยังคงสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ที่คุณจับต้อง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าหากไม่อยากรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่มือตลอดทั้งวันก็ควรระมัดระวังกระดาษแผ่นบางๆ แต่ร้ายกาจนี้ไว้
แหล่งที่มา
Cortical homunculus. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2560. จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Cortical_homunculus.
Nociceptor. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2560. จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Nociceptor.
The science behind why paper cuts hurt so much. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2560. จาก www.sciencealert.com/here-s-the-science-of-why-paper-cuts-hurt-so-much.
Why paper cuts hurt so much. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2560. จาก www.bbc.com/future/story/20160902-why-paper-cuts-hurt-so-much.
The nervous system. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2560. จาก http://schoolbag.info/biology/humans/9.html.
Nociceptor. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2560. จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Nociceptor.
The science behind why paper cuts hurt so much. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2560. จาก www.sciencealert.com/here-s-the-science-of-why-paper-cuts-hurt-so-much.
Why paper cuts hurt so much. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2560. จาก www.bbc.com/future/story/20160902-why-paper-cuts-hurt-so-much.
The nervous system. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2560. จาก http://schoolbag.info/biology/humans/9.html.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น